ศูนย์ศึกษารวบรวมพันธุ์พืชสมุนไพรและภูมิปัญญาไทย จังหวัดนครราชสีมา
ข้าวเย็นโคก
พึ่งได้มีโอกาสไปร่วมจัดบูธในงานรวมพลังสร้างสุขภาพด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบเนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสครบรอบการบรมราชาภิเษก ปีที่ ๖๐ เมื่อวันที่ ๑๗-๑๘มิถุนายน ๒๕๕๓ที่ผ่านมาที่ศูนย์โอท็อป เซ็นเตอร์ อ.เมือง จังหวัดอุบลราชธานี ด้วยเหตุการณ์เฉียดฉิวจวนเจียนเกือบจะไม่ได้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ จากเหตุผลของคนบางคนที่มีอำนาจแต่ไม่อยากจะให้ความสำคัญ ต้องยอมรับว่าหลายครั้งที่ถอดใจอยากหนีอยากลาออก แต่ผ่านไปซักพักเหมือนมีแรงฮึดให้สู้ใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า โจทย์ของโคราชในครั้งนี้นอกจากการบอกเล่าถึงภูมิปัญญาการใช้สมุนไพรในผู้สูงอายุ การแสดงวัฒนธรรมเด่นของจังหวัด โจทย์ที่ยากที่สุดอีกข้อก็คือ เราถูกเบียดงบประมาณให้จัดงานด้วยเงินสองพันห้าร้อยบาทสำหรับซื้ออุปกรณ์ที่จัดแต่งบูธทั้งหมดรวมไปถึงค่ากินอยู่ของคน ๕ ชีวิตเป็นเวลาสามวัน ทั้งๆที่ทางกระทรวงให้เงินเรามามากพอที่จะจัดงานได้อย่างเต็มที่ ทำให้เราต้องคิดการบ้านอย่างหนักไม่นับการที่โคราชเป็นจังหวัดใหญ่ที่ต้องถูกจับตามอง เรากับทีมงานช่วยกันค้นหาอุปกรณ์ วัสดุตกแต่งเท่าที่พอค้นพอขัดถูเก็บมาใช้ เอาต้นไม้ส่วนตัวที่เราสะสมไว้มารวบรวมได้ห้าชนิดพยายามให้ไม่ซ้ำกับจังหวัดอื่น คิดหาไฮไลต์ว่าปีนี้จะเอาต้นอะไรดี ต้นกุหลาบเหลืองโคราชซึ่งเป็นกล้วยไม้ประจำถิ่นก้อน่าสนใจเพราะมีกลิ่นเหมือนตะไคร้ช่วยไล่แมลงได้ แต่ดอกเค้าพึ่งโรยไปเมื่อเดือนที่แล้ว ต้นกล้วยไม้ที่ไม่มีดอกก้อเหมือนผู้หญิงไม่แต่งหน้ามันดึงความสนใจไม่ได้ จะเอาว่านกลีบแรดรึก้อต้นละ ๕๐๐ บาท สู้ราคาไม่ไหว สุดท้ายเลยมาลงตัวที่ข้าวเย็นโคกที่ตัวเองซื้อไว้ราคา ๓๐ บาท กะเร่กะร่อน ๒๐ บาท ว่านน้ำมีอยู่แล้วไม่ได้ซื้อ บุกรอ ๑๐๐ บาทแต่เอาไปได้แต่ต้นเล็ก และว่านหัวน่วมที่รอดมาจากหอยทากปีที่แล้วเหลืออยู่ต้นเดียว ได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
เมื่อเดินทางมาถึงศูนย์โอทอปของจังหวัดอุบลราชธานี ทีมงานทั้งหมดก้อเริ่มหน้าตาซีดเซียว เพราะทุกบูธจัดได้อลังการสวยงามมาก แต่ละจังหวัดขนคนมาไม่ต่ำกว่า๓๐คน ส่วนโคราชมีมาทั้งหมด๕ชีวิต ( ร่วมทั้งพี่พขร. ) ให้กำลังใจกันว่า เอาน่าสู้ๆ ตามอัตภาพก้อแล้วกัน ช่วงเปิดงานท่านอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ ท่านเยี่ยมชมบูธของ ๑๙ จังหวัด ใกล้เข้ามาๆ นึกอยู่ในใจว่าเอาไงดีว้าๆๆๆ มองความว่างโล่งของบูธแล้วก้อใจไม่ดี เป็นไงเป็นกัน พอท่านอธิบดีฯมาถึงบูธของโคราชเลยพาท่านดูต้นข้าวเย็นโคกเล่าให้ท่านฟังว่าเป็นสมุนไพรที่อยู่คู่วิถีชีวิตของคนภาคอีสาน เข้าตำรับยาได้ทุกตำรับ รักษาได้ทุกโรค ใช้ทดแทนข้าวเย็นเหนือข้าวเย็นใต้ที่นำเข้าจากต่างประเทศ มีงานวิจัยที่รวบรวมเอาไว้ว่าในเมืองไทยมีหัวยาข้าวเย็นทั้งสิ้น ๕ สายพันธุ์ ต้นนี้เป็นหนึ่งใน ๕ สายพันธุ์ และมีการนำมาใช้ในตำรับยาทั่วประเทศถึง ๒,๔๐๐๐ ตำรับ ซึ่งท่านแปลกใจเมื่อทราบว่าหาได้ง่ายมีขึ้นทั่วไปตามป่าตามโคกหัวไร่ปลายนา และท่านก้อให้ความสนใจเป็นอย่างมากได้ขอต้นที่นำมาแสดงไปด้วย ทำให้เรารู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาและจะพยายามศึกษาค้นคว้ารวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ยิ่งๆขึ้น ภารกิจก่อนตายต้องรวบรวมข้อมูลสมุนไพรเหล่านี้ให้มากที่สุด ตามหาหัวยาข้าวเย็นอีก ๔ สายพันธุ์ ยังมีบุกโคราชหรือบุกหัวช้างสายพันธุ์แท้ของโคราช แก้งขี้พระร่วง ดู่ทุ่ง ไม้แหย่แย้ หัวร้อยรู และอีกมากมายที่ต้องทำ ชีวิตเริ่มมีความสุขขึ้นอีกครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น