ลักษณะการขึ้นตามธรรมชาติของกวาวเครือขาวจะแผ่ปกคลุมดินขึ้นรวมกันเป็นแปลงใหญ่ขึ้นอยู่ตามเชิงเขา
ใบของกวาวเครือขาวเป็นใบประกอบสามใบแบบพืชตระกูลถั่วเหมือนกวาวเครือแดงแต่มีขนาดเล็กกว่ามาก
ทีมงานลองขุดดูหัวกวาวเครือขาวพบว่ากวาวเครือขาวชอบดินร่วนปนทราย
หัวของกวาวเครือขาวในธรรมชาตอยู่ลึกลงไปประมาณครึ่งฟุตในเขตภาคอีสานหัวกวาวเครือขาวมีขนาดเล็กกว่าทางภาคเหนือมาก
กวาวเครือขาวPueraria mirifica Airy Shaw et Suvatab.
เป็นพืชตระกูลถั่ววงศ์ Leguminosae
กวาวเครือขาว เป็นไม้เถา ขึ้นกับต้นไม้หรือเลื้อยไปบนดิน ก้านใบหนึ่งมี 3 ใบใบเล็กกว่าชนิดแดง หัวคล้ายมันแกวหรือเหมือนเต้านมของผู้หญิง ขนาดของหัวจะขึ้นอยู่กับลักษณะดินการใช้ทำยาให้เลือกหัวแก่ เอามีดปาดดูจะมียางสีขาวคล้ายน้ำนม เนื้อเปราะมีเส้นมาก
สรรพคุณ
เป็นยาอายุวัฒนะสำหรับผู้สูงอายุใช้ได้ทั้งหญิงและชาย (คนหนุ่มสาวห้ามรับประทาน)ทำให้กระชุ่มกระชวย
ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นกลับเต่งตึงมีน้ำมีนวล
ช่วยเสริมอก กระตุ้นเต้านมขยายตัว โดยเฉพาะกวาวเครือขาว
ข้อห้ามใช้แพทย์พื้นบ้านแนะนำว่า ไม่ควรรับประทานกวาวเครือมากหรือต่อเนื่องกันนานเกินไป จะทำให้มีอาการเต้านมโตเกินไป เต้านมดานแข็งเป็นก้อน และทำให้เกิดเป็นลมสาน (เนื้องอกหรืออาจเป็นมะเร็ง) ที่เต้านมได้ และสำหรับผู้ชายหากรับประทานมาก จะมีเยื่อหุ้มที่อัณฑะหนาตัวขึ้นและอาจนำไปสู่การเป็นลมสาน (มะเร็ง) ที่อัณฑะได้
ในตำรายาแผนโบราณกล่าวไว้ว่า ห้ามคนวัยหนุ่มสาวรับประทาน ห้ามรับประทานของดองเปรี้ยว ดองเค็ม และควรอาบน้ำวันละ 3 ครั้ง และห้ามตากอากาศเย็นเกินไปวกวาวเครือขาวให้ปั้นรับประทานวันละ 1 เม็ด เท่าเม็ดพริกไทย
ในตำรายาแผนโบราณกล่าวไว้ว่า ห้ามคนวัยหนุ่มสาวรับประทาน ห้ามรับประทานของดองเปรี้ยว ดองเค็ม และควรอาบน้ำวันละ 3 ครั้ง และห้ามตากอากาศเย็นเกินไปวกวาวเครือขาวให้ปั้นรับประทานวันละ 1 เม็ด เท่าเม็ดพริกไทย
วิกฤตของกวาวเครือขาวเช่นเดียวกับกวาวเครือแดงมีการลักลอบขุดในธรรมชาติไปเป็นจำนวนมาก เราไม่เปิดเผยแหล่งที่พบเพื่อให้มันยังคงมีเหลืออยู่ในธรรมชาติต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น