วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554

บรเพ็ดสูตรที่หลวงปู่เจี๊ยะท่านใช้รักษาอาการอาพาธ สาธุ

โดย ปุณณภา  งานสำเร็จ
ศูนย์ศึกษารวบรวมพันธุ์พืชสมุนไพรและภูมิปัญญาไทย  จังหวัดนครราชสีมา




พยายามถ่ายให้เห็นว่าต้นสนสูงแค่ไหนเค้าก็ล้อเล่นลงมาได้ยาวแค่นั้นแต่ไม่สามารถจับภาพได้ทั้งหมด ครั้นตั้งกล้องไกลไปยิ่งดูไม่ออก เอาไปตามวาสนาแล้วกัน
ชิงช้าชาลีที่อยู่บนต้นสนสูง ราว๑๐เมตร

ใบเหมือยนบรเพ็ดแต่ไม่ค่อยมีปุ่มปม


ทอดเถายาวเลื้อยเฟื้อย


ยืมภาพกันมาเป็นทอด ๆ ขอบคุณๆๆ



ยืมภาพกันมาเป็นทอดๆเราไม่เคยเห็นดอกเค้าเลย

จริงๆน่ามหัศจรรย์ เครื่องโน๊ตบุคของเรามันเก่าคร่ำคร่ามาก เงินจะซื้อจะซ่อมก็ไม่มี ไฟไม่เข้ามานานมาก เป็นอาทิตย์ๆ ไม่ว่าจะปลอบจะขู่ยังไงก็ไม่เป็นผล จนถอดใจยอมรับความเป็นไป เมื่อวานบังเอิญ เสียบปลั๊กโทรศัพท์มือถือ โดยที่ปลั๊กโน๊ตบุคคาอยู่อย่างนั้น แต่ไม่ได้สนใจมัน เพราะคิดว่ามันตายดับไปแล้ว อยู่ ๆ ไฟมันติดขึ้นมา แปลกดีนะ เพราะปกติถ้าจะติดก็ไม่เกินสองชั่วโมง นี่ติดข้ามวันข้ามคืน มาจนบัดเดี๋ยวนี้ เห็นจะเป็นเพราะอยากให้เราทำอะไรบางอย่าง จนถึงตอนนี้เราอ่านประวัติหลวงปู่เจี๊ยะในอินเตอร์เน็ทที่ยาวมากถึง ๒๕ หน้า อ่านจากหลังไปหน้า จากหน้าไปหลัง ดูวัตรปฏิบัติอันอาจหาญของท่าน เสียดายท่านไม่อยูแล้ว แต่สิ่งที่ท่านได้กระทำทิ้งไว้ยังเป็นสิ่งเตือนใจให้แก่ผู้อยู่ข้างหลังผู้ด้อยปัญญาอย่างเราได้ ความตอนหนึ่งท่านเล่าถึงความเจ็บป่วยของท่านดังนี้ "เจ็บป่วยด้วยโรคปวดเส้นเอ็น
เมื่อเราจำพรรษาที่เสนาสนะป่าบ้านโคกกับท่านพระอาจารย์มั่น เราได้เกิดเป็นโรคชนิดหนึ่งคือโรคเส้นเอ็น รู้สึกปวดเส้นอย่างแรงคล้ายถูกงูรัด เป็นจากเอวลงมา อาการปวดขยายออกไปทั้งตัวเดินไม่ได้ ครูบาทองปาน ซึ่งเป็นสหธรรมิกที่เคยอยู่เชียงใหม่กับหลวงปู่มั่นด้วยกัน ได้ทำยาขึ้นขนานหนึ่ง โดยเอาข้าวสารแช่น้ำและตำเป็นน้ำแป้งขาวๆ ประมาณ ๔-๕ ขวดเหล้า แล้วเอาบอระเพ็ดกำใหญ่มาตำ แล้วเอาน้ำใส่ กรองได้น้ำบอระเพ็ดพอประมาณ ๔-๕ ขวดเหล้าเหมือนกัน เสร็จแล้วเอาน้ำแป้งและน้ำบอระเพ็ดที่ตำนั้นผสมกัน แล้วเอาไปฝังทั้งขวดไว้ที่ใต้บันไดบ้านสามคืน จึงขุดเอามาฉันเวลาฝังให้จุกขวดโผล่จากดินประมาณ ๑ นิ้วฟุตตามพระวินัย น้ำแป้งข้าวนั้นพระจะฉันนอกเวลาไม่ได้ จึงต้องฉันระหว่างเช้าถึงเที่ยง ยานี้ฉันประมาณ ๓ วัน โรคที่เจ็บปวดตามเส้นนั้นก็หายไป ตำรายานี้ท่านว่าเป็นตำรายาของพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม มีคุณสมบัติแก้ไข้มาลาเรียได้ด้วย ขนาดของยาที่ฉันนี้ ให้ฉันวันละ ๑ ขวดเหล้า จนยาหมด
ระหว่างที่เราป่วยอยู่นี้ ท่านพระอาจารย์มั่นท่านเมตตาจัดอาหารมาให้ฉัน แต่เราไม่ฉัน กราบเรียนท่านกลับไปว่า “ครูบาจารย์ ถ้าจะตายก็ให้มันตายไปเถอะ” แต่ก็ไม่เป็นอะไร ต่อมาอีก ๒ วันก็หายเป็นปกติ"

อันบรเพ็ดนี้ช่วยคนให้รอดพ้นจากความทรมานของโรคภัยไข้เจ็บมานักต่อนัก โดยเฉพาะผู้คนที่ต้องผ่านป่าเขาลำเนาไพร เป็นสุดยอดสมุนไพรอายุวัฒนะตัวหนึ่งเลยในความเห็นของเรา
บอระเพ็ด
เคยถามเจ้าหน้าที่ป่าไม้เค้าเล่าให้ฟังถึงพวกลักลอบหาของป่าที่ต้องแอบซ่อนอยู่ในป่าลึกๆเป็นเวลานานๆ  คนพวกนี้จะมีบรเพ็ดติดตัวไว้กินป้องกันและรักษาไข้ป่า  ไอ้ที่ว่าป้องกันได้คือ  กินบรเพ็ดซะจนเลือดขมจนยุงป่าไม่อยากกินเลือด  อันนี้ไม่ยืนยัน

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tinospora crispa (L.) Miers ex Hook.f.& Thomson
วงศ์ : Menispermaceae
ชื่ออื่น : ตัวเจตมูลยาน เถาหัวด้วน (สระบุรี) หางหนู (สระบุรี,อุบลราชธานี) จุ่งจิง เครือเขาฮอ (ภาคเหนือ) เจตมูลหนาม (หนองคาย)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้เถาเลื้อยพาดพันต้นไม้อื่น เถากลมมีขนาดใหญ่เป็นปุ่มปม สีเทาอมดำ มีรสขม เปลือกลอกออกได้ ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปหัวใจ ขอบใบเรียบ แผ่นใบเรียบ สีเขียว ก้านใบยาว 8-10 ซม. ดอก ออกตามซอกใบ ดอกแยกเพศอยู่คนละช่อ ดอกสีเขียวอมเหลือง มีขนาดเล็กมาก ผล รูปทรงค่อนข้างกลม สีเหลืองหรือสีแดง ส่วนที่ใช้ : ราก ต้น ใบ ดอก ผล ส่วนทั้ง 5 เถาสด
สรรพคุณ :
ราก - แก้ไข้เหนือ ไข้สันนิบาต แก้ไข้พิษ ไข้จับสั่น- ดับพิษร้อน ถอนพิษไข้- เจริญอาหาร
ต้น- แก้ไข้ แก้ไข้พิษ แก้ไข้กาฬ แก้ไข้เหนือ- บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ- แก้อาการแทรกซ้อน ขณะที่เป็นไข้ทรพิษ- แก้ไข้เพื่อโลหิต แก้เลือดพิการ- แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้สะอึก แก้พิษฝีดาษ- เป็นยาขมเจริญอาหาร- เป็นยาอายุวัฒนะ
ใบ- แก้ไข้ แก้ไข้พิษ แก้ไข้กาฬ แก้ไข้จับสั่น- ขับพยาธิ แก้ปวดฝี- บำรุงธาตุ- ยาลดความร้อน- ทำให้ผิวพรรณผ่องใส หน้าตาสดชื่น- รักษาโรคผิวหนัง ผดผื่นคันตามร่างกาย- ช่วยให้เสียงไพเราะ- แก้โลหิตคั่งในสมอง- เป็นยาอายุวัฒนะ
ดอก- ฆ่าพยาธิในท้อง ในฟัน ในหู
ผล- แก้เสมหะเป็นพิษ แก้ไข้พิษ- แก้สะอึก และสมุฎฐานกำเริบ
ส่วนทั้ง 5บำบัดรักษาโรค ดังนี้- เป็นยาอายุวัฒนะ แก้ปวดเมื่อย แก้ไข้ปวดศีรษะ รักษาฟัน รักษาโรคริดสีดวงทวาร ช่วยให้เจริญอาหาร แก้ฝีมดลูก ฝีมุตกิต แก้ร้อนใน รักษาโรคเบาหวาน ลดความร้อน แก้ดีพิการ แก้เสมหะ เลือดลม แก้ไข้จับสั่น
วิธีการและปริมาณที่ใช้ : ใช้เป็นยารักษาอาการดังนี้
อาการไข้ ลดความร้อน- ใช้เถาแก่สด หรือต้นสด ครั้งละ 2 คืบครึ่ง (30-40 กรัม) ตำคั้นเอาน้ำดื่ม หรือต้มกับน้ำโดยใช้ น้ำ 3 ส่วน ต้มเคี่ยวให้เหลือ 1 ส่วน ดื่มวันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหารเช้า-เย็น หรือเวลามีอาการ- หรือใช้เถาสด ดองเหล้า ความแรง 1 ใน 10 รับประทานครั้งละ 1 ช้อนชา ของยาที่เตรียมแล้ว
เป็นยาขมช่วยเจริญอาหาร เมื่อมีอาการเบื่ออาหารโดยใช่ขนาดและวิธีการเช่นเดียวกับใช้แก้ไข้
สารเคมี : ประกอบด้วยแคลคาลอยด์หลายชนิด เช่น Picroretine, berberine นอกจากนี้ยังประกอบด้วย colonbin, tintotuberide, N - trans - feruloyltyramine, N - cisferuloytyramine, phytosterol, methylpentose

บรเพ็ดมีน้องสาวชื่อไพเราะว่าชิงช้าชาลี ขมน้อยกว่า ปุ่มปมน้อยกว่า มีรากอากาศทิ้งตัวลงมาเหมือนม่านบาหลี สรรพคุณใช้ทดแทนกันได้ ที่ทำงานเราเค้าห้อยระโยงระยางอยู่ทั่วไป ไม่ยักรู้ว่าเป็นไม้หายาก จนพวกสมาชิกในแมกโนเลียเค้าพูดถึงยอมแลกกับต้นไม้ที่เราคิดว่าหายาก เราถึงรู้ว่าชิงช้าชาลีหายาก เพราะพวกสมาชิกในแมกโนเลียไทยแลนด์เค้าเซียนของจริง ต้องถือว่าพวกนี้สุดยอด

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tinospora cordifolia., Mierชื่อไทยพื้นเมือง : จุ่งจะลิงตัวแม่วง์ : Menispermaceaeพืช ชนิดนี้เป็นไม้เลื้อยยืนต้น ส่วนใหญ่จะเห็นลำต้นพาดหรือพันอยู่กับต้นไม้ กำแพงและเสาต่างๆ เป็นไม้เนื้ออ่อนแต่เหนียวมากใช้แทนเชือกได้ ลำต้นหรือที่เรียกว่าเถา มีลักษณะกลมโตเปลือกขรุขระมีตาแตกเป็นจุดเล็กๆสีน้ำตาลอ่อนประอยู่ตลอดเถา เป็นไม้ใบเดียว ใบจะมีสีเขียวรูปร่างเหมือนหัวใจ ใบจะเรียงสลับทางกันไปตามลำต้น การเลื้อยจะมีลีลาที่ทอดไปอย่างสวยงามมากเหมือนธรรมชาติได้เจาะจงให้ เถาวัลย์ชนิดนี้มีความงามและอ่อนหวานเหนือกว่าเถาวัลย์ชนิดอื่นดอก ของชิงช้าชาลีจะออกราวเดือน กุมภาพันธ์-มีนาคม ดอกมีสีเหลืองอ่อนเป็นดอกฝอยๆ และมีกลิ่นหอมมาก เวลามีดอก ลำต้นจะสลัดใบทิ้งหมดเถา เพื่อต้อนรับดอกอ่อนที่เกิดขึ้นการ ขยายพันธ์ง่ายมาก เพียงแต่ท่านปักกิ่งชิงช้าชาลีไว้ในดินที่มีความชุ่มชื้นพอควร มันก็จะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องดูแลรักษามากเหมาะกับการปลูกเป็นไม้เลื้อยประดับมาก ยิ่งถ้าท่านจัดเถาของชิงช้าชาลีที่โตเต็มที่แล้วโยงให้แน่นระหว่างเสาหรือ ต้นไม้ใหญ่ ท่านก็จะได้ชิงช้าไว้ให้เด็กๆเล่น และถ้าได้พันหลายๆเถาและและถึงตอนมีดอกออกตลอดเถา อาจมีผู้ใหญ่แย่งเด็กเล่นชิงช้าก็ได้ (ข้อมูลจาก magnolia thailand ปล.ยืมภาพและข้อมูลดี ๆ มาจากhttp://suan-theva.igetweb.com/index.php?mo=3&art=171897 )

ถ้าแม้นมีผู้ใดนำสูตรตำรับนี้ไปรักษาอย่าลืมอาราธณาเมตตาบารมีขององค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์ และน้อมนำคำสอนของท่านเป็นศิริมงคลแก่ชีวิตของเรายิ่งจะเป็นการดี
ปุณณภา งานสำเร็จ  เรื่อง/ภาพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น