วันอังคารที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2554

หญ้าแห้วหมู มุดธรณี สมุนไพรรักษาอาการขาดธาตุดิน

โดย ปุณณภา  งานสำเร็จ
ศูนย์ศึกษารวบรวมพันธุ์พืชสมุนไพรและภูมิปัญญาไทย  จังหวัดนครราชสีมา



อ่านประวัติของหลวงปู่ดู่ พระที่เรานับถือมาก ๆ องค์หนึ่ง ซึ่งท่านมีเมตตาบารมีสูงมาก มีอยู่ตอนหนึ่งที่ผู้เขียนเล่าว่า "วันหนึ่ง.. ทางบ้านส่งข่าวมาว่าบิดาผู้เขียนป่วยหนัก เข้าห้องไอซียู อาการน่าเป็นห่วงโอกาสรอดตาย ๑๐% ลูกศิษย์ของผู้เขียนคนหนึ่ง ชื่อ ประเสริฐได้เดินทางไปวัดสะแก เรียนให้หลวงปู่ทราบท่านบอกว่า"อธิษฐาน เอากายทิพย์ของพ่ออาจารย์เขามาข้าจะแผ่เมตตาให้ถ้าบุญดีไม่ถึงคราวก็รอดถ้าถึงคราวก็ไปสวรรค์เปลี่ยนตัวซะก่อนให้เขามารับบุญไป"ประเสริฐก็เดินทางมาบอกผู้เขียนผู้เขียนพร้อมพระหลายๆ องค์ ก็นั่งสมาธิภาวนาแผ่เมตตาโดยอ้างเอากุศลที่ได้บวชเรียน ส่งกุศลไปให้บิดาประกอบกับพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อหวล ภูริภัทโทได้ตรวจดูชะตาบอกว่า ยังไม่เป็นไรร่างกายขาดธาตุดิน ให้เอาหญ้าแห้วหมูโบราณเรียกว่า "มุดธรณี" ต้มให้กินผู้เขียนก็ใจชื้นขึ้น แต่ก็ไม่วางใจมีพระลูกศิษย์ที่นั่งมโนมยิทธิ ได้ลงไปที่สำนักพระยายมราชเห็นมีรายชื่ออยู่จึงอธิษฐานให้รอดตายได้ขอให้ท่านรอด จะสร้างพระให้องค์หนึ่งผู้เขียนรับฟังรายงาน ทำใจเป็นปกติตอนเช้าขณะออกไปบิณฑบาตได้แวะเข้าไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลพอเข้าไปเห็นบิดา อาการผิดกับแต่วันก่อน"
เรื่องปาฏิหาริย์ขององค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย เราไม่เคยสงสัย เพราะเชื่อว่ามีพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของท่านเหล่านั้นคุ้มครองประเทศไทยนี้อยู่ แต่ได้อ่านถึงเรื่อง หญ้าแห้วหมูหรือมุดธรณีที่หลวงพ่อหวล ภูริภัทโท ได้ตรวจดูดวงชะตาและระบุว่าผู้ป่วยท่านนี้ขาดธาตุดิน ให้นำมาต้มกิน จึงอยากบันทึกไว้ เผื่อใครจะได้น้อมนำไปใช้กัน และอย่าลืมอธิษฐานอุทิศบุญให้แก่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ ท่านผู้นำภูมิความรู้นี้มาใช้และเผยแพร่ ย่อมจะเป็นผลดีแก่ตนเองอย่างยิ่ง
เราคงไม่ต้องพูดถึงหญ้าแห้วหมูมากนัก เนื่องจากเคยพูดไปบ้างแล้ว คนแต่โบราณถือเป็นยาอายุวัฒนะชั้นเยี่ยม คนปัจจุบันใช้นำมาลดไขมันในเลือด
แต่ไหน ๆ ก็รวบรวมไว้อีกซักหน่อยละกัน
หญ้า แห้วหมูหรือหญ้าขนหมู เป็นสมุนไพรที่มีน้ำมันหอมระเหยเป็นส่วนประกอบ นิยมนำส่วนหัวที่อยู่ใต้ดินมาใช้ทำยา มีรายงานฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา คือ มีฤทธิ์ยับยั้งการหดเกร็งและการบีบตัวของลำไส้ ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา ต้านเชื้อมาลาเรีย ต้านเชื้อไวรัส ฆ่าแมลง แก้ไข้ แก้ปวด ต้านมะเร็ง แก้อาเจียน ทำให้น้ำหนักตัวลดลง กดการทำงานของหัวใจ กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว ปัจจุบันมีการนำหญ้าแห้วหมูไปเข้าตำรับยาแก้ปวด แก้โรคกระเพาะ แก้ปวดประจำเดือน เป็นหนึ่งในสมุนไพรที่มีการวิจัยพบว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

ในตำรับยาไทย หัวหญ้าแห้วหมูมีสรรพคุณ บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ บำรุงหัวใจ เป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงครรภ์ แก้ธาตุพิการ ช่วยให้เจริญอาหาร ขับพยาธิไส้เดือน ขับลม ช่วยย่อยอาหาร แก้ไข้ ขับเหงื่อ แก้บิด ทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ ใช้พอกดูดพิษ ทาแก้แมลงกัดต่อย แก้กระษัย ส่วนใบ ใช้ห้ามเลือด

การ ใช้หญ้าแห้วหมูบำรุงสุขภาพ จะใช้แบบเดี่ยวในรูปชาชง หรือแบบตำรับยาก็ได้ ขึ้นกับวัตถุประสงค์ มีผู้มีประสบการณ์โดยตรงในการใช้หญ้าแห้วหมูเล่าว่า ท่านใช้แบบบดเป็นผงปั้นกับน้ำผึ้งเป็นลูกกลอนรับประทาน ตั้งแต่อายุ 40 กว่าปี จนย่างเข้าวัย 60 ปีแล้วยังแข็งแรงกระชุ่มกระชวย หูตาสว่างไสว ไม่มีโรคเบียดเบียน

ใช้ ในรูปแบบชาชงหรือต้ม ถ้าทำเป็นชาก็นำส่วนหัวมาบดเป็นผงให้ละเอียด หรือหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ คั่วให้เหลือง ใช้ชงกับน้ำร้อนดื่ม หรือนำเอาหัวแห้วหมูทุบให้แหลก ต้มดื่ม เป็นยาอายุวัฒนะ แก้ปวดเมื่อย ช่วยให้หูตาสว่าง บำรุงธาตุ บำรุงหัวใจ ลดไขมัน ลดความดันโลหิต ลดไข้ แต่ต้องระวังอย่าให้มีปริมาณเข้มข้นมากเกินไป เพราะจะเป็นอันตรายต่อหัวใจ จะไปบีบหัวใจทำให้หัวใจหยุดเต้นได้

สำหรับ ตำรับยาที่มีสรรพคุณลดไขมันในร่างกาย คือ แห้วหมูทั้ง 5 (ถอนเอาทั้งต้นจนถึงราก) จำนวนมากน้อยตามต้องการ ล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำไปคั่วไฟให้เหลือง ใช้ชงกับน้ำร้อนดื่มเป็นชาลดไขมันในร่างกาย

ใช้ลดความอ้วน มีตัวยา หัวแห้วหมูหนัก 5 บาท หัวกระชายหนัก 5 บาท บอระเพ็ดหนัก 4 บาท มะตูมอ่อนแห้งหนัก 4 บาท เหงือกปลาหมอหนัก 10 บาท พริกไทยล่อนหนัก 10 บาท ส่วน ผสมทั้งหมดบดละเอียด นำไปปั้นกับน้ำผึ้งเป็นยาลูกกลอนขนาดเท่าเม็ดพุทรา เก็บไว้รับประทานก่อนนอนทุกคืน นอกจากนี้ ยังมีสรรพคุณช่วยแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ และเป็นยาอายุวัฒนะด้วย

ตำรับ ยาอายุวัฒนะของหมอชีวกโกมารภัจจ์ ตัวยาประกอบด้วย พริกไทยดำ 10 เม็ด ดีปลี 10 ดอก หัวแห้วหมู 10 หัว ตัวยาทั้งหมดบดเป็นผงละเอียด ชงกับน้ำผึ้งแท้ รับประทานก่อนนอน ตำรากล่าวว่า ยาตำรับนี้ให้ทำเฉพาะในวันเสาร์เท่านั้น และรับประทานให้หมดในวันนั้นด้วย มิให้เหลือทิ้งไว้ และเสาร์ต่อไปค่อยทำใหม่ ผู้ใช้ยาตำรับนี้ร่างกายจะปราศจากโรคภัย มีอายุยืนยาวนับ 100 ปี

แก้ ลมสลักอก อาการแน่นอก จุกอก รับประทานอาหารไม่ได้ มีตัวยา หัวแห้วหมู ใบมะตูม ผักคราดหัวแหวน ขิงแห้ง เถาบอระเพ็ด ใบหนาด ดอกดีปลี พริกไทย น้ำหนักเสมอภาค บดเป็นผงให้ละเอียด ใช้ชงกับน้ำต้มสุก หรือผสมกับสุรา รับประทานเช้า-เย็น

ยาแก้โรคลมอัมพาต ยาแก้โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ตำรับที่ ๑ ท่านให้เอา หัวกระเทียม ๓๐ หัว ( หั่นกลางออกเป็น ๒ ซีก ) ตากแดดให้แห้ง ชั่งน้ำหนักไว้ ขิงแห้ง ๑ หัวแห้วหมู ๑ โคกกระสุน ๑ เอาตัวยาทั้ง ๓ อย่างนี้ รวมชั่งน้ำหนักให้เท่ากับน้ำหนักของหัวกระเทียมทั้งหมด นำมาใส่ หม้อดินต้ม ใช้น้ำยารับประทานต่างน้ำชาสรรพคุณ แก้โรคลมอัมพาต มีอาการมือเท้าตาย ให้ดีนักแลฯ
ยาแก้โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ตำรับที่ ๓ ท่านให้เอา แก่นขี้เหล็ก ๒ บาท ตรีผลา สิ่งละ ๒ บาท ใบมะกา ๒ บาท แห้วหมู ๒ บาท ตองแตก ๒ บาท บอระเพ็ด ๒ บาท ขมิ้นอ้อยแห้ง ๒ บาท โกฐน้ำเต้า ๒ บาท เทียน ทั้ง๕ สิ่งละ ๕ บาท ฝักราชพฤกษ์ ๒ บาท ดีเกลือ ๒ บาท ยาดำ ๕ บาท เอายาทั้งหลายใส่หม้อดินต้ม ใช้น้ำยารับประทานก่อนอาหาร เช้า - เย็น ครั้งละ ๑ แก้วสรรพคุณ รักษาโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต เส้นพิการ ปวดเส้น ปวดขา และปวดตามข้อ ได้ผลดีนักแลฯ
ยาแก้โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ตำรับที่ ๗ ยาแก้อัมฤกษ์ อัมพาต ท่านให้เอา เหงือกปลาหมอ ๒ บาท ขิง ๒ แง่ง แห้วหมู ๑ บาท พริกไทยร่อน ๑ ซอง (ที่เขาขาย) เกลือแกง ต้มดื่ม ก่อนอาหารสรรพคุณ แก้ลมอัมพฤกษ์ อัมพาต เส้นเอ็นพิการ ปวดเมื่อยตามร่างกาย ได้ผลดีชะงัดนักแลฯ
ข้อมูลจากสารศิลปยาไทย

รสเผ็ด หอมปร่า บำรุงธาตุ ขับลมในลำไส้ แก้ปวดท้อง ท้องขึ้น อืดเฟ้อ บำรุงกำลัง บำรุงทารกในครรภ์ ขับลม เป็นยาอายุวัฒนะ ขับความเย็น ระงับปวด แก้หวัดลม หวัดหนาว แก้ปวดท้องเนื่องจากเสพกามกิจมาก ปวดเมื่อยขา หลังคลอด แน่นหน้าอก บวมลม ใช้หมักทำให้เกิดแป้งข้าวหมาก แป้งเหล้าได้ดี ใช้ร่วมกับเถาสะค้าน กระวาน ดีปลี ผสม ทำแป้งเหล้า นำมากลั่นได้เหล้ายาบำรุงกำลัง
ความลับของหัวหญ้าแห้วหมู

๑. แก้ไข้ได้ดี ทั้งต้นทั้งหัว ล้างสะอาดต้มน้ำดื่ม
๒. แก้โรคบิด เอาหัวแห้วหมู บดกับขิงแก่ปั้นเป็นลูกยาลูกกลอน ผสม น้ำผึ้งแท้
๓. แก้ปัสสาวะขัด หัวหญ้าแห้วหมูสดๆ ล้างให้สะอาด ตากแห้งบด ละเอียดปั้นลูกกลอนกิน แก้ปัสสาวะขัดดีมาก
๔. แก้ผื่นคัน หัวแห้วหมูบดละเอียด ผสมน้ำมันมะพร้าวเล็กน้อย ทา ที่เป็นบ่อยๆ จะทุเลาลง จนหายไปในที่สุด
๕. รักษาแผลสด ใช้ต้นและใบหญ้าแห้วหมู โขลกใส่น้ำปูนใสเล็กน้อยเอามาพอกแปะกดที่แผลเลือดจะหยุดไหล
๖. บำรุงธาตุ ใช้หัวแห้วหมู ๑ ฝ่ามือ ต้มเอาน้ำดื่มแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ใช้เป็นยาเจริญอาหาร ขาวเปอร์เซียร์ใช้หัวแห้วหมู ๖-๘ หัวบดกับขิงแก่ ๔-๕ แว่น ผสมกับน้ำผึ้ง กินเป็นยาขับลมในลำไส้ แก้ ปวดท้อง
๗. ยาอายุวัฒนะ ใช้หัวหญ้าแห้วหมูล้างน้ำให้สะอาด เคี้ยวกินหรือ ทุบให้แหลกและไปคั่วไฟ ชงกินต่างน้ำชา จะทำให้หายปวดเมื่อย ฟันแน่นแย็งแรง ไม่ชรา ดวงตาสว่างไสวดี แม้อายุจะมาก หรือไข้หัว แห้วหมูแห้ง ๔ ส่วน พริกไทย ๑ ส่วน ลูกแป้ง ๑ ส่วน โขลกละเอียดปั้น น้ำผึ้งเม็ดเท่าพุทรา กินวันละ ๒ เม็ด เช้าและก่อนนอน
๘. ลดไขมัน เอาหัวแห้วหมูทั้งหัว หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ตากแดดให้แห้ง คั่วไฟให้เหลือง ใช้ชงกับน้ำร้อนกินต่างน้ำชา
๙. ระงับอาการหอบหืด เพราะมีฤทธิ์ต้านการทำงานของสาร ฮิสตามิน
๑๐. ลดความดันโลหิต ยาชงหัวแห้วหมู ทำให้ ความดันโลหิตลดลง ใช้หัวแห้วหมู ๑ ส่วน กับน้ำร้อน ๑๐ ส่วน จะได้ผลดีที่สุด
๑๑ แก้อาเจียน
๑๒. ลดอาการปวดเกร็งในลำไส้
๑๓. แก้นิ่วกรดในทางเดินปัสสาวะ หัวแห้วหมูมีสารชนิดหนึ่ง สามารถละลายก้อนนิ่วกรด ที่เกิดจากการกินอาหารพวกเนื้อสัตว์มาก เกินไป
๑๔. บำรุงหัวใจ ถ้ากินน้อยเป็นยาบำรุงหัวใจ ถ้ากินมากเกินไป จะบีบหัวใจทำให้หัวใจหยุดเต้น
๙. ระงับอาการหอบหืด เพราะมีฤทธิ์ต้านการทำงานของสาร ฮิสตามิน
๑๐. ลดความดันโลหิต ยาชงหัวแห้วหมู ทำให้ ความดันโลหิตลดลง ใช้หัวแห้วหมู ๑ ส่วน กับน้ำร้อน ๑๐ ส่วน จะได้ผลดีที่สุด
๑๑ แก้อาเจียน
๑๒. ลดอาการปวดเกร็งในลำไส้
๑๓. แก้นิ่วกรดในทางเดินปัสสาวะ หัวแห้วหมูมีสารชนิดหนึ่ง สามารถละลายก้อนนิ่วกรด ที่เกิดจากการกินอาหารพวกเนื้อสัตว์มาก เกินไป
๑๔. บำรุงหัวใจ ถ้ากินน้อยเป็นยาบำรุงหัวใจ ถ้ากินมากเกินไป จะบีบหัวใจทำให้หัวใจหยุดเต้น
๑๕. ระงับเชื้อแบคทีเรีย น้ำมันหอมระเหย ที่มีอยู่ในหัวแห้วหมู สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อ สแต๊ฟ ได้แต่เพียงอย่างเดียว ( เชื้อนี้ทำให้เกิดฝีเจ็บคอและท้องเสีย)
๑๖. ระงับเชื้อรา หัวหญ้าแห้วหมูนำมาสกัดด้วยแอลกอฮอล์ จะได้สาร ที่ต้านเชื้อราได้
๑๗. ปวดท้องเพราะมากในกามกิจ แห้วหมู หญ้าเปลือกหอย ใบบัวบก อย่างละครึ่งตำลึง ตำแหลก เอาน้ำชงเหล้า รับประทาน ใช้กาก พอกที่สะดือ

ยาลดความอ้วน
๑. บอระเพ็ด๒. มะตูมอ่อนแห้ง๓. หัวกระชาย๔. หัวแห้วหมู๕. เหงือกปลาหมอ๖. พริกไทยอ่อน
๔๔๕๕๑๐๑๐
บาทบาทบาทบาทบาทบาท
วิธีทำ
บดเป็นผงผสมน้ำผึ้ง ปั้นลูกกลอนขนาดเม็ดพุทรา
วันละ ๑ เม็ด ก่อนนอนทุกคืน
ลดความอ้วน บำรุงร่างกายให้แข็งแรง แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ
ข้อมูล จากสารศิลปยาไทย(๒๓)

ยาอายุวัฒนะขนานที่ 4 (หมอเมือง อภิญญา สันยาสี บภ.)

ยาขนานนี้มีที่มาจากภาคใต้ของไทยเรา มีคนใช้กันเยอะ เพราะอยู่ในดงของอิสลามซึ่งชาย 1 คนสามารถมีภรรยาได้ 4 คน ภรรยาจึงต้องแข่งขันกันเพื่อให้สามีรักที่สุด ร.ต.อ.เปี่ยมได้นำมาเผยแพร่ แต่ผู้เขียนได้ตำรานี้จากน้องชายซึ่งเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์อินทร์ วัดโขลงคูบัว ราชบุรี ท่านแนะนำให้คุณหญิงคุณนายที่สามีแอบไปมีเมียน้อยทำกิน สามีกลับมาหาทุกราย ผู้เขียนก็มียานี้ไว้ประจำสำหรับคนมีปัญหาดังว่า ตำรายามีดังนี้
1. หัวไพล 1 ขีด 2. ขมิ้นอ้อย 1 ขีด
3. ขมิ้นชัน 1 ขีด 4. หัวแห้วหมู 1 ขีด
5. หัวกระชาย 1 ขีด 6. พริกไทยล่อน 2 ขีด
ต้องทำเป็นยาผงก่อน แล้วผสมน้ำผึ้งปั้นลูกกลอน รับประทานก่อนนอนวันละไม่เกิน 2 เม็ดในพุทรา ถ้ารับประทานมากจะผายลมตลอด หรือถ้าเป็นคนธาตุร้อนหรือโรคไตไม่ควรกิน เพราะเป็นยาร้อน คนเฒ่าแก่กินดีมาก จะบำรุงธาตุไฟให้บริบูรณ์ และขับผายลมได้ดียิ่ง ตำราว่าแม้สตรีจะมีบุตรสัก 10 คนก็ยังเหมือนสาวน้อย

ตำรับต่อมาเป็นตำรายาที่ขึ้นชื่อมาก ส่วนมากหมอยาในกรุงเทพ ฯ และภาคกลางล้วนรู้จักและปรุงกินกันมาก แต่ท่านว่าอายุหนุ่มน้อยกินไม่สู้ดี เพราะธาตุไฟแรงจะเผาร่างกายให้ผ่ายผอม เหมาะสำหรับคนอ้วนต้องการลดความอ้วนกินยานี้น่าจะดี ตัวยามีดังนี้
1. เปลือกทิ้งถ่อน 2. เปลือกตะโกนา 3. เถาบอระเพ็ด 4.เมล็ดข่อย
5. หัวแห้วหมู 6. หัวกระชาย 7.พริกไทยล่อน
ยาทั้งหมดสัดส่วนเท่ากัน ตากแห้งบดผงผสมน้ำผึ้งกินก่อนนอน วันละ 1-2 เม็ด ท่านว่ากินได้ 1 เดือนตัว
พยาธิ์ลำไส้ออกมาหมด หายจากอาการปวดเมื่อยอ่อนเพลียโดยไม่ต้องอาศัยหมอนวดบีบ การหมุนเวียนโลหิตดี เลือดลมไหลสะดวก เรื่องอย่างว่าก็สู้บ่ยั่นเหมือนกัน ถ้าเป็นพระทำฉันให้งดกระชายเสีย เพราะเป็นยาบำรุงกามารมณ์

ยาอายุวัฒนะขนานที่ 19 บำรุงร่างกาย
1. หัวขิง 2. หัวข่าเล็ก 3. หัวแห้วหมู 4.เถาบอระเพ็ด
5.ดอกดีปลี 6. กระเทียม 7. รากแจง 8.สมอเทศ
9. สมอไทย 10.สมอพิเภก 11.สมอดีงู 12.ลูกมะขามป้อม
สมุนไพรทั้งหมดนี้ใช้สัดส่วนเท่ากัน ตากแดดให้แห้งดีแล้วจึงทำเป็นยาผง ใช้ละลายน้ำร้อนรับประทานก่อนอาหารเย็น ทำให้นอนหลับสบาย ท้องไส้ทำงานดีไม่มีลมเบียดเบียน ร่างกายกลับแข็งแรง คนแก่ก็จะกลับเป็นหนุ่มสาว
เอายาทั้งหมดนี้มาตำเข้าด้วยกัน แล้วใส่โหลหรือกระปุกเก็บไว้รับประทานก่อนอาหาร หรือก่อนนอน เป็นยาขับถ่ายสิ่งโสโครกออกจากร่างกาย ถ้ารับประทานประจำโรคภัยหายหมด ผิวพรรณวรรณะก็ดีงาม กลิ่นตัวกลิ่นปากหรืออื่น ๆ จะหายไปหมด

ยาอายุวัฒนะขนานที่ 21 บำรุงร่างกาย
ยานี้ชื่อยากำลังราชสีห์ ตัวยามี 5 อย่างด้วยกันคือ
1. เถาบอระเพ็ด 2. หัวแห้วหมู 3. หัวกระชาย
4. พริกไทยล่อน 5.เกลือสะตุ
เอาตัวยาทั้งหมดมาตำเข้าด้วยกันแล้วใส่โหล ใส่สุราให้ท่วมยา ปิดให้สนิทแล้วนำไปฝังโคลนที่ชายน้ำในวันแรม 14 ค่ำ พอขึ้น 15 ค่ำของอีกเดือนหนึ่งจึงไปขุดขึ้นมารับประทาน ก่อนอาหารเย็นครั้งละ 1 ถ้วยตะไล จะแข็งแรง ปราศจากโรคภัยทั้งปวง จะมีกำลังดุจหนุมาน คำว่าแก่จะไม่มี ท่านว่าผู้มีบุญวาสนาเท่านั้นจึงได้รับประทาน แต่เรื่องการหมักโคลนนั้นมีเหตุผลทีต้องการความเย็น สมัยนี้ใส่ตู้เย็นย่อมเหมาะสมกว่า

ยาอายุวัฒนะขนานที่ 34 บำรุงร่างกาย
1. ขมิ้นอ้อย 2. ผักเสี้ยนผี 3.โคกกระสุน 4. หัวแห้วหมู
ตากแห้งบดเป็นผงผสมน้ำผึ้ง กินก่อนนอนวันละ 1 เม็ดพุทรา ทำให้เจริญอาหาร แก้จุกเสียดแน่นเฟ้อ

ยาอายุวัฒนะขนานที่ 35.บำรุงร่างกาย
เรื่อย ๆ รูปร่างจะเปลี่ยนแปลง ผิวพรรณผุดผ่องอ้วนท้วนสมบูรณ์ ผู้กินยานี้อายุได้ 160 ปี
ยาอายุวัฒนะขนานที่ 36. บำรุงสายตา
เอาหัวแห้วหมูมาล้างให้สะอาด แล้วคั่วไฟ แล้วทุบให้แตก นำมาชงดื่มแบบน้ำชา แก้ปวดเมื่อยอ่อนเพลีย
ร่างกายแข็งแรง ตาสว่างดุจคนหนุ่ม ฟันทนแข็งแรง ร่างกายกลับเป็นหนุ่มสาว

ยาอายุวัฒนะขนานที่ 38. บำรุงร่างกาย
1. เมล็ดข่อย 2. พริกไทยล่อน 3. หัวแห้วหมู 4. หัวบัวขม
5. หัวกระชายแก่ 6. ผักเสี้ยนผี 7. โคกกระสุน 8.เนื้อสมอทั้ง 3อย่างละ 10

เอามาทุบดองสุรา กินก่อนอาหารเย็น กินประจำอายุยืนถึง 100 ปี แข็งแรงทำงานหนักได้ดุจคนหนุ่ม

ยาอายุวัฒนะขนานที่ 51 แก้กามตายด้าน
1. โด่ไม่รู้ล้ม 2. หัวกระชาย 3. พริกไทยล่อน 4. โสมแดง
5. ลูกยอ 6. เหงือกปลาหมอแดง 7. ดอกดีปลี 8. ฟ้าทะลายโจร
9.หัวแห้วหมู

ทำเป็นยาผงผสมน้ำผึ้งปั้นเม็ดขนาดเม็ดพุทรา รับประทานวันละ 2 เม็ดก่อนอาหาร ร่างกายจะแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน ความรู้สึกทางเพศจะดีมาก

เลือกศึกษาเลือกใช้เอาแต่พอเหมาะพอควร แล้วแต่ผู้ใดจะถูกธาตุถูกโรค และใช้ธรรมะเป็นยาขนานเอกสำหรับทุก ๆ โรค ทุก ๆคน ด้วยจะได้ผลแน่นอน

หัวและต้นของหญ้าแห้วหมู  ภาพจาก www1.mod.go.th

ปุณณภา งานสำเร็จ  เรื่อง

3 ความคิดเห็น:

  1. ผมมียายคนหนึ่งแกพอเริ่มเป็นอัมพฤกษ์ บอกให้ช่วยหายาแก้อัมพฤกษ์ ขออนุโมทนาสาธุ ขอให้แกหาย

    ตอบลบ
  2. น่าจะให้มีกดไลท์เหมือนในเฟสเน๊าะ เราจะได้ไลท์คนที่มาเม้นท์

    ตอบลบ