"ว่านเพชรหึง (มี ๒ ชนิด) ชนิดหนึ่งเป็นกล้วยไม้ ลักษณะดังต้นอ้อยขึ้นอยู่ตามต้นไม้ใหญ่สูงๆในป่าดง สรรพคุณเป็นยาดับพิษร้อนทำให้เย็น ใช้ได้ทั้งทาดับพิษฝีต่างๆ โดยใช้น้ำซาวข้าวเป็นน้ำกระสาย
ชนิดหนึ่งเป็นเถา มีขายตามร้านสมุนไพรทั่วไป สรรพคุณใช้ผสมต้มเป็นยารับประทานแก้โลหิตสตรีเป็นพิษ"
ว่านตัวนี้ชี้ลงที่ต้นเดียวกันทั้งหมดคือกล้วยไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ส่วนแบบเถาไม่มีใครพูดถึง ว่านเพชรหึงชนิดที่เป็นกล้วยไม้นี้ น่าจะมีเยอะที่ภาคใต้แต่ทางนั้นเรียกว่าว่านหางช้าง ซึ่งจะไปสับสนกับว่านอีกชนิดหนึ่งที่มีชื่อกลางว่าว่านหางช้างเป็นกลุ่มเดียวกับพัดแม่ชี ดาบนารายณ์ วอกกิ้งไอริส ซึ่งจะพูดถึงในคราวต่อๆไป
เลือกรูปนี้เพราะการอาศัยของเขาตรงตามตำราคือพบขึ้นอยู่กับต้นไม้ใหญ่ในป่าดง บ่งบอกธรรมชาติวิสัยของเขาที่เป็นกล้วยไม้อิงอาศัย แต่ปัจจุบันนิยมใส่กระถางสวยๆตั้งโชว์เด่นบนพื้นหรือยกพื้น ที่มาhttp://www.qsbg.org/orchid/article/10_2006/ammatophyllum%20speciosum.htm
ว่านเพชรหึงปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อซึ่งเป็นวิธีการยอดฮิตในการขยายพันธุ์กล้วยไม้ ทำให้ไม่เป็นของหายากนัก แต่ราคายังแพงอยู่เพราะกว่าจะเลี้ยงให้โตได้ขนาดท่วมหัวก็ใช้เวลานาน มีราคาตั้งแต่หลักสิบ(ลูกไม้จากขวดเพาะเนื้อเยื่อ) ไปจนถึงหลักหมื่นต้นไม้ต้นนี้เป็นอีกต้นที่ฉันหวาดๆ เพราะบางตำราพูดถึงว่าเมื่ออกดอกจะเกิดลมเพชรหึง ดอกส่ายไปมาเหมือนงู ใครเข้าใกล้อาจโดนฉกถึงตาย มักเอาปรอทมาล่อให้ฉกเพื่อฆ่าปรอท แต่ฉันเคยถามคนที่ปลูกจนออกดอกว่ามีเหตุการณ์อย่างที่ว่าบ้างหรือไม่ เขาว่าไม่ปรากฏ อาจเป็นเพราะอาถรรพ์ป่าเสื่อมฤทธิ์หรือไรก็ไม่ทราบ แต่อย่างน้อยก็ขอบันทึกไว้ให้ระวัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น