วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ว่านพระยากาตำรากบิลว่านฉบับสมบูรณ์ รวบรวมโดย ร.ต.สวิง กวีสุทธิ์ ร.น. พิมพ์เมื่อพ.ศ.๒๕๐๘

ว่านพระยากาตำรากบิลว่านฉบับสมบูรณ์ รวบรวมโดย ร.ต.สวิง กวีสุทธิ์ ร.น. พิมพ์เมื่อพ.ศ.๒๕๐๘ กล่าวไว้ว่า
"ว่านพระยากา ลักษณะลำต้นเหมือนต้นกล้วยป่า ใบเหมือนใบโพธิกาฝาก มีใยเหมือนใยบัว ยางเหมือนยางงิ้ว รากเหมือนคล้ายรากมะกอก สรรพคุณเอายางมากวนกับปรอทตายแล"
อันนี้ส่วนใหญ่เราจะได้ยินแต่พระยากาเผือกหรือต้นกระดาดด่าง ที่มาสวนเกษตรอินทรีย์ จากnanagarden
ส่วนเรื่องปรอทนี้พูดกันยาวเป็นตำนานนิทานเรื่องสนุกเลย  ลองดูกัน

"ปรอทตามภูมิปัญญาโบราณ ปรอท ถือว่าเป็นธาตุอาถรรพ์ มีชีวิต มีจิตวิญญาณ
และท่านที่มีภูมิปัญญาได้เรียนรู้และศึกษาธาตุปรอทนี้ จนได้พบกับความมหัศจรรย์ของธาตุปรอทนี้ ว่าเป็นยารักษาโรคได้ และทั้งยังนำมาทำเป็นเครื่องรางของขลังได้อีกด้วย ด้วยฤทธิอำนาจของธาตุปรอท ที่สามารถเคลื่อนย้ายหรือลื่นไหลตัวเองไปตามที่ต่างๆ ได้ คนโบราณที่มีภูมิปัญญาด้านธาตุปรอทนี้เชื่อกันว่า คนที่ได้พกพาธาตุปรอทติดตัวไว้จะทำให้แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวงได้ ท่านผู้มีวิชาเล่นแร่แปรธาตุ หรือพระอาจารย์ที่มีวิชาอาคมและ พลังจิตแก่กล้า ต่างก็นำเอาปรอทนี้มาเป็นส่วนผสมในวัตถุมงคลของท่านทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น เบี้ยแก้ ปรอทกรอ ปรอทเพชร เป็นต้น


ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น ว่าปรอทเป็นธาตุพิเศษชนิดหนึ่ง ที่นำมารักษาโรคได้ และได้มีการรักษากันมาแล้ว ธรรมชาติของธาตุปรอทนั้นจะกินสารพิษและดึงสารพิษมารวมไว้กับตัว ธาตุปรอทตามธรรมชาติที่คนโบราณนำมาใช้กันนั้นจึงยังมีพิษอยู่ ก่อนที่จะเอามาใช้ได้จะต้องฆ่าพิษของธาตุปรอทออกก่อน จึงนำมารักษาโรคได้และวิธีหนึ่งของผู้ที่มีภูมิปัญญาด้านธาตุปรอทนั้น
ที่จะนำมารักษาโรคต่างๆ ได้คือ นำปรอทเข้าตัว การนำปรอทเข้าตัวเชื่อกันว่า ปรอทเป็นธาตุที่ชอบกินและดึงเอาสารพิษต่างๆมาไว้ที่ตัวของธาตุปรอทเอง ด้วยเหตุนี้ ถ้านำธาตุปรอทที่ดับพิษ หรือฆ่าเอาพิษของธาตุปรอทออก แล้วนำเอาเข้าตัวก็จะทำให้ธาตุปรอทนั้นไปกินและดึงเอาสารพิษต่างๆ ที่อยู่ในตัวของบุคคลนั้นได้ อาทิเช่น เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อไวรัสบางชนิด เป็นต้น อีกทั้ง ปรอทยังเป็นยาประเภทยาถ่าย ยาบำรุงกำลัง แก้ปวด ขับปัสสาวะ ปรับปรุงสุขภาพ และรักษาโรคผิวหนังต่างๆ อีกด้วย
การนำเอาธาตุปรอทเข้าตัว ถือว่าเป็นวิชาโบราณที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากครูอาจารย์ผู้ที่มีภูมิปัญญาด้านเล่นแร่แปรธาตุ พวกฤาษี พระป่า และท่านที่มีพลังจิตแก่กล้า เป็นต้น
จะขอยกตัวอย่างครูอาจารย์ท่านที่ได้รับการถ่ายทอดวิชา ปรอท คือ พันเอกชม สุคันธรัต ที่ได้การยอมรับว่าท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาต่างๆ จากหลวงปู่เทพ โลกอุดร ท่านพันเอกชม ก็ได้รักษาคนด้วยวิชาธาตุปรอทนี้มาแล้ว โดยนำเอาธาตุปรอท ที่ดับพิษของปรอทออกไปแล้ว นำมาดันเข้าไปบริเวณฝ่ามือ ของผู้ที่ถูกรักษา โดยใช้พลังจิต เป็นสำคัญ ที่จะดันธาตุปรอทเข้าไปในตัวได้...และธาตุปรอทจะเข้าไปดักและกินสารพิษที่อยู่ในตัวคนๆนั้น
เมื่อดันธาตุปรอทเข้าตัวได้ บริเวณฝ่ามือผู้ที่ถูกดันธาตุปรอท จะมีสีออกดำๆ เป็นวง จากการดันและพลักปรอทเข้าไป...และ อีกวิธีคือ ขี้ปรอทสีดำ ถ้าอยู่ในบริเวณฝ่ามือของ ผู้รักษาจะจับและถูบริเวณที่เป็นโรคและปวดเมื่อยของผู้ป่วยได้...


จากคุณ : จักริน - [ 14 Sep 2012 23:38 ] IP : 180.180.222.30



ความคิดเห็นที่ 1 ปรอท แบ่งออกได้ 3 ประเภท ครับ
1. ปรอทดิบ


เป็นปรอทที่ยังไม่แข็งตัว ยังเป็นของเหลวสามารถลื่นไหลตัวได้ ชนิดนี้เองที่คนโบราณต้องใช้วิชาในการดัก และต้องรู้วิธีการดักปรอทนี้เพื่อนำมาทำเป็นวัตถุมงคล และใช้เป็นยารักษาโรคต่างๆ ครับ โดยผ่านกรรมวิธีการหุง หรือที่เรียกว่า วิชา หุงปรอท หรือขึ้นรูปปรอท ครับ


2. คตปรอท


เป็นปรอทที่แข็งตัวตามธรรมชาติแล้ว กล่าวคือเมื่อปรอมดิบ ผ่านการเวลานานวันเข้า ตัวปรอทดิบที่เป็นของเหลวนั้น ได้กินกินแร่ธาตุและสะสารต่างๆจนอิ่มตัว ปรอทดิบนั้นก็แข็งตัว กลายเป็นคตปรอทครับ...ผู้ที่ได้นำคตปรอทนี้ออกมาให้เป็นที่รู้จักต่อผู้คนทั่วไป คือลป.ลมัย ซึ่งเป็นที่รู้เกี่ยวธาตุปรอทมากครับ ลป.ท่านรู้ว่าคตปรอทคือธาตุกายสิทธิ์มีพลังและฤทธิ์ในตัว ด้านคงกะพัน แคล้วคลาด ท่านจึงได้นำคตปรอทนี้มาฝังให้กับลูกศิษย์คนใกล้ชิดของท่านครับ คตปรอทนั้นยังแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ1.คตปรอทธรรมดา จะมีสีดำ 2.คตปรอทเงิน จะมีสีออกเงินยวง 3. คตปรอททอง มีสีออกทองท้องปลาไหล 4. คตปรอทเพชร มีเกร็ดเพชรระยิบระยับ ทอแสงเป็นประกาย และคตปรอทเพชรนี่เอง ที่ลป. บอกว่าเป็น เป็นสุดยอดแห่งคตปรอท มีพลังและความแกร่งมากที่สุด หายากที่สุด ถ้าเปรียบกับเหล็กไหล ก็เทียบเท่าเหล็กไหลน้ำหนึ่งเลยทีเดียวครับ


3. ปรอทหุง


หรือ ปรอทสำเร็จ เป็นปรอทที่ผ่านวิชาการหุง หรือการขึ้นรูปปรอท เป็นรูปแบบต่างๆ เพื่อง่ายต่อการพกพาครับ โดยนำปรอทดิบที่เป้นของเหลวมาผ่านกรรมวิธีการหุงขึ้นรูปครับ เช่น พระสมเด็จปรอท , ลป.ทวดปรอท, เสือแกะปรอท, ลูกสะกด ฯลฯ เพราะปรอทดิบนั้นเป็นของเหลว เมื่อทำหล่นหรือตกลงพื้นปรอทจะแทรกตัวลงดินไปเลยครับ ซึ่งเก็บรักษาและพกพาได้ยาก ในคนโบราณเลยหาวิธีที่จะทำให้ปรอทแข็งตัวโดยวิชาหุงปรอทขึ้นเพื่อง่ายต่อการพกพาบูชาครับ"
ที่มา  http://www.blogger.com/blogger.g?blogID=8407783564630969890#editor/target=post;postID=2376581967202361728
เรื่องเกี่ยวกับปรอท ยังมีอีกเยอะจะทะยอยนำมาลงในโอกาสต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น